ปลูกผมคืออะไร มีกี่วิธี ทำไมถึงได้รับความนิยม
การปลูกผมเป็นการลงทุนที่สำคัญ ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของความมั่นใจและภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น การเลือกคลินิกปลูกผมที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะช่วยคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการปลูกผม เทคนิคต่างๆ และแนะนำวิธีการเลือกคลินิกที่ดีที่สุด เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและคุ้มค่าที่สุด
ทำไมต้องปลูกผม?
ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายคน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุทางพันธุกรรม ฮอร์โมน ความเครียด หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต ผมที่บางลงอาจส่งผลต่อความมั่นใจ การเข้าสังคม และแม้กระทั่งโอกาสในหน้าที่การงาน การปลูกผมจึงเป็นทางออกที่ได้รับความนิยม เพราะเป็นวิธีที่ช่วยให้ผมกลับมาหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและถาวร
การปลูกผมคืออะไร?
การปลูกผมคือกระบวนการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณที่มีเส้นผมแข็งแรง (เช่น ท้ายทอยหรือข้างศีรษะ) ไปยังบริเวณที่มีปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน เซลล์รากผมที่ย้ายมานี้จะเจริญเติบโตเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและมีวงจรชีวิตเหมือนเส้นผมปกติ
เทคนิคการปลูกผมยอดนิยม
ปัจจุบันมีเทคนิคการปลูกผมหลักๆ อยู่ 2 แบบ ได้แก่
1. เทคนิค FUE (Follicular Unit Excision / Extraction)
เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ศัลยแพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษเจาะเก็บเซลล์รากผมทีละกราฟต์ (กลุ่มของเส้นผม 1-4 เส้น) ออกมาจากบริเวณท้ายทอยหรือข้างศีรษะ จากนั้นนำกราฟต์ที่ได้ไปปลูกถ่ายในบริเวณที่ต้องการ
ข้อดี: ไม่ทิ้งแผลเป็นแนวยาว สามารถตัดผมสั้นได้
ฟื้นตัวเร็ว อาการเจ็บปวดน้อย เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการมีแผลเป็นจากการผ่าตัด
ข้อเสีย: ใช้เวลานานกว่าเทคนิค FUT ต้องโกนผมในบริเวณที่จะเก็บกราฟต์ (แต่บางคลินิกก็มีเทคนิค Long Hair FUE ที่ไม่ต้องโกนผม)
2. เทคนิค FUT (Follicular Unit Transplantation)
ศัลยแพทย์จะผ่าตัดเอาหนังศีรษะส่วนหนึ่งออกมาจากบริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่มีรากผมแข็งแรง จากนั้นจะนำหนังศีรษะส่วนนั้นมาแยกเป็นกราฟต์เล็กๆ และนำไปปลูกถ่ายในบริเวณที่ต้องการ
ข้อดี: สามารถปลูกผมได้จำนวนกราฟต์เยอะกว่าในครั้งเดียว ใช้เวลาน้อยกว่าเทคนิค FUE รากผมที่ได้มีความสมบูรณ์สูง
ข้อเสีย: ทิ้งรอยแผลเป็นเป็นแนวยาวที่ท้ายทอย ฟื้นตัวช้ากว่าเทคนิค FUE และอาจมีอาการเจ็บมากกว่า
ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบตัดผมสั้น
วิธีปลูกผมแบบอื่น ๆ
1. DHI (Direct Hair Implantation) เป็นเทคนิคย่อยของ FUE ที่ใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า "Implanter Pen" ในการเจาะและปลูกผมในขั้นตอนเดียว ทำให้รากผมสัมผัสอากาศน้อยที่สุด เพิ่มโอกาสการรอดของรากผม และสามารถควบคุมทิศทางและความลึกของการปลูกได้ดีขึ้น
2. ปลูกผมไร้แผล (Non-Shaven FUE/Long Hair FUE) เป็นเทคนิค FUE ที่ไม่ต้องโกนผมทั้งศีรษะ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ว่าไปปลูกผมมา แต่มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนกราฟต์ที่เก็บได้และอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนปลูกผม
1. หาข้อมูล และศึกษาให้ถี่ถ้วน พร้อมทั้งเลือกคลินิกที่มีคุณภาพ
2.. ปรึกษาแพทย์ แพทย์จะประเมินปัญหาผมของคุณ ตรวจสอบสภาพหนังศีรษะ และวางแผนการรักษา
3. เตรียมตัวก่อนปลูก โดยแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัว เช่น การงดยาบางชนิด การดูแลตัวเองก่อนวันผ่าตัด
ขั้นตอนการปลูกผม
1. ฉีดยาชาเฉพาะที่ (คุณจะรู้สึกตัวตลอดเวลา แต่ไม่เจ็บ)
2. เก็บเซลล์รากผมจากบริเวณที่แข็งแรง
3. เตรียมบริเวณที่จะปลูกผม (เจาะช่องเล็กๆ)
4. ปลูกถ่ายเซลล์รากผม
การดูแลตัวเองหลังการปลูกผม
แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังปลูกผม การทำความสะอาด และนัดหมายเพื่อติดตามผล
ผลลัพธ์ของการปลูกผม
- ผมที่ปลูกไปจะร่วงไปก่อนในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก (Shock Loss) ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
- ผมใหม่จะเริ่มงอกขึ้นในช่วง 3-4 เดือนหลังปลูก และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ผลลัพธ์สุดท้ายจะเห็นได้ประมาณ 1 ปีหลังการปลูกผม และผมที่ปลูกไปจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต
วิธีเลือกคลินิกปลูกผมท
การเลือกคลินิกปลูกผมที่ดีนั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับการรักษาที่มีคุณภาพและปลอดภัย
1. เลือกศัลยแพทย์มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง
โดยเฉพาะแพทย์เฉพาะทาง เลือกคลินิกที่มีศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมโดยตรง มีใบประกอบวิชาชีพและประสบการณ์ในการปลูกผมมานาน
2. เลือกผลงานของแพทย์ ขอดูผลงานจริงของแพทย์ รูป Before & After ของคนไข้ที่เคยปลูกกับแพทย์ท่านนั้น
3. เลือกแพทย์ที่มีความใส่ใจ แพทย์ควรให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ตอบข้อสงสัยของคุณ และไม่เรีบงร้อนในการตัดสินใจ
4. เลือกคลินิกได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ
5. เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลที่ถูกต้อง
6. ความสะอาดและอุปกรณ์ คลินิกควรสะอาด ถูกสุขอนามัย และมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน
7. ค้นหารีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้บริการจริง ทั้งใน Pantip, Facebook หรือ Google Review เพื่อดูความคิดเห็นและประสบการณ์ของคนอื่นๆ
8. เลือกคลินิคที่มีการปลูกผมที่ทันสมัย มีตัวเลือกให้หลากหลายวิธี
ทั้ง FUE, FUT, DHI เพื่อให้แพทย์สามารถเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาและสภาพเส้นผมของแต่ละบุคคลได้
9. คลินิกควรมีการดูแลหลังปลูกผมที่ดี มีการนัดติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างละเอียด
10. ราคาที่สมเหตุสมผล ราคาปลูกผมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ เทคนิค และชื่อเสียงของคลินิก ควรเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ที่ แต่ก็ไม่ควรตัดสินใจจากราคาถูกที่สุดเพียงอย่างเดียว
คลินิกปลูกผมที่น่าสนใจในประเทศไทย
ในประเทศไทยมีคลินิกปลูกผมที่มีชื่อเสียงและได้มาตรฐานอยู่หลายแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป การเลือกคลินิกควรพิจารณาจากปัจจัยข้างต้นและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตัวเอง
2.HSC Hair Clinic: เป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมโดยเฉพาะ มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์และเทคนิคที่ทันสมัย มักได้รับการรีวิวที่ดีในเรื่องของความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์และการบริการ
1. Dr. Tarinee Hair Clinic เป็นคลินิกปลูกผมที่นำโดย พญ.ธริญญ์ สาสนะทิพากร ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกผมโดยตรง ให้บริการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE, DHI และ Long Hair FUE พร้อมทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์และเน้นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
2. Apex Profound Beauty เป็นคลินิกความงามขนาดใหญ่ที่มีบริการหลากหลาย รวมถึงการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE และ DHI มีเครื่องมือที่ทันสมัยและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
3. Absolute Hair Clinic เป็นอีกหนึ่งคลินิกที่เน้นการปลูกผมโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเทคนิคที่หลากหลาย และมีการดูแลหลังการปลูกที่ดี
Hairtran Clinic: คลินิกปลูกผมเฉพาะทางที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเทคนิค FUE และ DHI รวมถึงการปลูกผมไร้แผล มีทีมแพทย์ที่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด
4. Million Hair Transplant คลินิกปลูกผมที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ มีเทคนิคการปลูกผมที่ได้มาตรฐานและให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติของแนวไรผม
สรุป
การปลูกผมเป็นการตัดสินใจที่สำคัญของใครหลาย ๆ คน การเลือกคลินิกปลูกผมที่ดีที่สุดจึงต้องอาศัยการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด การพิจารณาจากประสบการณ์ของแพทย์ มาตรฐานของคลินิก เทคนิคการรักษาที่ใช้ การบริการทั้งก่อนและหลังการปลูก รวมถึงราคาที่สมเหตุสมผล อย่ารีบร้อนในการตัดสินใจ และควรปรึกษาแพทย์หลายๆ แห่ง เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุด
ทำไมต้องปลูกผม?
ปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายคน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุทางพันธุกรรม ฮอร์โมน ความเครียด หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต ผมที่บางลงอาจส่งผลต่อความมั่นใจ การเข้าสังคม และแม้กระทั่งโอกาสในหน้าที่การงาน การปลูกผมจึงเป็นทางออกที่ได้รับความนิยม เพราะเป็นวิธีที่ช่วยให้ผมกลับมาหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและถาวร
การปลูกผมคืออะไร?
การปลูกผมคือกระบวนการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณที่มีเส้นผมแข็งแรง (เช่น ท้ายทอยหรือข้างศีรษะ) ไปยังบริเวณที่มีปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน เซลล์รากผมที่ย้ายมานี้จะเจริญเติบโตเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและมีวงจรชีวิตเหมือนเส้นผมปกติ
เทคนิคการปลูกผมยอดนิยม
ปัจจุบันมีเทคนิคการปลูกผมหลักๆ อยู่ 2 แบบ ได้แก่
1. เทคนิค FUE (Follicular Unit Excision / Extraction)
เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ศัลยแพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษเจาะเก็บเซลล์รากผมทีละกราฟต์ (กลุ่มของเส้นผม 1-4 เส้น) ออกมาจากบริเวณท้ายทอยหรือข้างศีรษะ จากนั้นนำกราฟต์ที่ได้ไปปลูกถ่ายในบริเวณที่ต้องการ
ข้อดี: ไม่ทิ้งแผลเป็นแนวยาว สามารถตัดผมสั้นได้
ฟื้นตัวเร็ว อาการเจ็บปวดน้อย เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการมีแผลเป็นจากการผ่าตัด
ข้อเสีย: ใช้เวลานานกว่าเทคนิค FUT ต้องโกนผมในบริเวณที่จะเก็บกราฟต์ (แต่บางคลินิกก็มีเทคนิค Long Hair FUE ที่ไม่ต้องโกนผม)
2. เทคนิค FUT (Follicular Unit Transplantation)
ศัลยแพทย์จะผ่าตัดเอาหนังศีรษะส่วนหนึ่งออกมาจากบริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่มีรากผมแข็งแรง จากนั้นจะนำหนังศีรษะส่วนนั้นมาแยกเป็นกราฟต์เล็กๆ และนำไปปลูกถ่ายในบริเวณที่ต้องการ
ข้อดี: สามารถปลูกผมได้จำนวนกราฟต์เยอะกว่าในครั้งเดียว ใช้เวลาน้อยกว่าเทคนิค FUE รากผมที่ได้มีความสมบูรณ์สูง
ข้อเสีย: ทิ้งรอยแผลเป็นเป็นแนวยาวที่ท้ายทอย ฟื้นตัวช้ากว่าเทคนิค FUE และอาจมีอาการเจ็บมากกว่า
ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบตัดผมสั้น
วิธีปลูกผมแบบอื่น ๆ
1. DHI (Direct Hair Implantation) เป็นเทคนิคย่อยของ FUE ที่ใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า "Implanter Pen" ในการเจาะและปลูกผมในขั้นตอนเดียว ทำให้รากผมสัมผัสอากาศน้อยที่สุด เพิ่มโอกาสการรอดของรากผม และสามารถควบคุมทิศทางและความลึกของการปลูกได้ดีขึ้น
2. ปลูกผมไร้แผล (Non-Shaven FUE/Long Hair FUE) เป็นเทคนิค FUE ที่ไม่ต้องโกนผมทั้งศีรษะ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ว่าไปปลูกผมมา แต่มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนกราฟต์ที่เก็บได้และอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนปลูกผม
1. หาข้อมูล และศึกษาให้ถี่ถ้วน พร้อมทั้งเลือกคลินิกที่มีคุณภาพ
2.. ปรึกษาแพทย์ แพทย์จะประเมินปัญหาผมของคุณ ตรวจสอบสภาพหนังศีรษะ และวางแผนการรักษา
3. เตรียมตัวก่อนปลูก โดยแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัว เช่น การงดยาบางชนิด การดูแลตัวเองก่อนวันผ่าตัด
ขั้นตอนการปลูกผม
1. ฉีดยาชาเฉพาะที่ (คุณจะรู้สึกตัวตลอดเวลา แต่ไม่เจ็บ)
2. เก็บเซลล์รากผมจากบริเวณที่แข็งแรง
3. เตรียมบริเวณที่จะปลูกผม (เจาะช่องเล็กๆ)
4. ปลูกถ่ายเซลล์รากผม
การดูแลตัวเองหลังการปลูกผม
แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังปลูกผม การทำความสะอาด และนัดหมายเพื่อติดตามผล
ผลลัพธ์ของการปลูกผม
- ผมที่ปลูกไปจะร่วงไปก่อนในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก (Shock Loss) ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
- ผมใหม่จะเริ่มงอกขึ้นในช่วง 3-4 เดือนหลังปลูก และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ผลลัพธ์สุดท้ายจะเห็นได้ประมาณ 1 ปีหลังการปลูกผม และผมที่ปลูกไปจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต
วิธีเลือกคลินิกปลูกผมท
การเลือกคลินิกปลูกผมที่ดีนั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับการรักษาที่มีคุณภาพและปลอดภัย
1. เลือกศัลยแพทย์มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง
โดยเฉพาะแพทย์เฉพาะทาง เลือกคลินิกที่มีศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมโดยตรง มีใบประกอบวิชาชีพและประสบการณ์ในการปลูกผมมานาน
2. เลือกผลงานของแพทย์ ขอดูผลงานจริงของแพทย์ รูป Before & After ของคนไข้ที่เคยปลูกกับแพทย์ท่านนั้น
3. เลือกแพทย์ที่มีความใส่ใจ แพทย์ควรให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ตอบข้อสงสัยของคุณ และไม่เรีบงร้อนในการตัดสินใจ
4. เลือกคลินิกได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ
5. เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลที่ถูกต้อง
6. ความสะอาดและอุปกรณ์ คลินิกควรสะอาด ถูกสุขอนามัย และมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน
7. ค้นหารีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้บริการจริง ทั้งใน Pantip, Facebook หรือ Google Review เพื่อดูความคิดเห็นและประสบการณ์ของคนอื่นๆ
8. เลือกคลินิคที่มีการปลูกผมที่ทันสมัย มีตัวเลือกให้หลากหลายวิธี
ทั้ง FUE, FUT, DHI เพื่อให้แพทย์สามารถเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาและสภาพเส้นผมของแต่ละบุคคลได้
9. คลินิกควรมีการดูแลหลังปลูกผมที่ดี มีการนัดติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างละเอียด
10. ราคาที่สมเหตุสมผล ราคาปลูกผมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ เทคนิค และชื่อเสียงของคลินิก ควรเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ที่ แต่ก็ไม่ควรตัดสินใจจากราคาถูกที่สุดเพียงอย่างเดียว
คลินิกปลูกผมที่น่าสนใจในประเทศไทย
ในประเทศไทยมีคลินิกปลูกผมที่มีชื่อเสียงและได้มาตรฐานอยู่หลายแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป การเลือกคลินิกควรพิจารณาจากปัจจัยข้างต้นและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตัวเอง
2.HSC Hair Clinic: เป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมโดยเฉพาะ มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์และเทคนิคที่ทันสมัย มักได้รับการรีวิวที่ดีในเรื่องของความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์และการบริการ
1. Dr. Tarinee Hair Clinic เป็นคลินิกปลูกผมที่นำโดย พญ.ธริญญ์ สาสนะทิพากร ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกผมโดยตรง ให้บริการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE, DHI และ Long Hair FUE พร้อมทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์และเน้นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
2. Apex Profound Beauty เป็นคลินิกความงามขนาดใหญ่ที่มีบริการหลากหลาย รวมถึงการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE และ DHI มีเครื่องมือที่ทันสมัยและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
3. Absolute Hair Clinic เป็นอีกหนึ่งคลินิกที่เน้นการปลูกผมโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเทคนิคที่หลากหลาย และมีการดูแลหลังการปลูกที่ดี
Hairtran Clinic: คลินิกปลูกผมเฉพาะทางที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเทคนิค FUE และ DHI รวมถึงการปลูกผมไร้แผล มีทีมแพทย์ที่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด
4. Million Hair Transplant คลินิกปลูกผมที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ มีเทคนิคการปลูกผมที่ได้มาตรฐานและให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติของแนวไรผม
สรุป
การปลูกผมเป็นการตัดสินใจที่สำคัญของใครหลาย ๆ คน การเลือกคลินิกปลูกผมที่ดีที่สุดจึงต้องอาศัยการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด การพิจารณาจากประสบการณ์ของแพทย์ มาตรฐานของคลินิก เทคนิคการรักษาที่ใช้ การบริการทั้งก่อนและหลังการปลูก รวมถึงราคาที่สมเหตุสมผล อย่ารีบร้อนในการตัดสินใจ และควรปรึกษาแพทย์หลายๆ แห่ง เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุด
-
ราคา : 55000 - 200000 บาท
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สถานที่/ตำแหน่งร้าน
สถานที่ : Dr. Tarinee Hair Clinic คลินิกปลูกผมและรักษาโรคเส้นผมทั้งแบบไม่ผ่าตัดและผ่าตัด อาคาร Move Amaze ชั้น 2 ติดถนนใหญ่ลาดพร้าว ปากซอยลาดพร้าว 19 เปิดบริการ: 10:00 น. – 19:00 น. (อังคาร – อาทิตย์)แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ :
ปลูกผมคืออะไร มีกี่วิธี ทำไมถึงได้รับความนิยม
เรื่องที่คุณอาจสนใจ





