Curry of the caribbean

"ข้าวแกงกะหรี่" เป็น อาหารญี่ปุ่น หรือเปล่า ?
ในโพสนี้ข้า กัปตัน แคริบเบียน จะพาพวกเจ้าไปไขคำตอบกัน
.
อาหาร ที่เที่ยวรอบโลกผ่านทั้ง 'การค้า'
'การอพยพ' หรือ แม้กระทั่ง 'การล่าอาณานิคม'
.
ตอนศตวรรษที่ 17 ชาวโปรตุเกสที่เป็น
เจ้าอาณานิคมเมือง "โกอา" (ตะวันตกของอินเดีย)
ดัน คิดว่าคำว่า 'kari' หมายถึง 'สตูที่มีเครื่องเทศ'
(จริงๆ kari คืออาหารประเภทผัดผักใส่เครื่องเทศของอินเดีย)
.
ก่อนจะกลายเป็น 'caril' ในภาษาโปรตุเกส
แล้วก็ 'Curry' ในภาษาอังกฤษ ในปี 1390s
.
.
ปี 1868 คือจุดเริ่มต้นของ ยุคเมจิ ของญี่ปุ่น
และ เป็นปีที่ ญี่ปุ่นเริ่มเปิดประเทศ
ช่วงเวลานั้นเอง ที่พ่อค้าชาวอังกฤษเป็นคนแนะนำ
"เครื่องเทศ" และ “แกงกะหรี่” ให้
แต่แกงกะหรี่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าไรนัก
.
ถึงตรงนี้ เราก็บอกได้แล้วว่า
"แกงกะหรี่" เข้ามาในญี่ปุ่น
ไม่ใช่จาก "อินเดีย" แต่เป็นจาก "อังกฤษ" !
.
.
แกงกะหรี่ที่ ยุโรปจะไม่ได้มี เครื่องเทศ มากขนาดเท่าของอินเดีย
European Style จะใช้เนย และ บูยง (น้ำสต๊อก)
มาเคี่ยวให้ น้ำแกงกะหรี่มี "ความข้น หนัก และหนืดกว่า"
.
.
จุดเปลี่ยนสำคัญมาอยู่ในปี 1973
มีเชฟ ชาวญี่ปุ่น ท่านนึง กลับประเทศจากการทำงานที่ยุโรป
และ ได้นำ เนย และ บูยง กลับมาด้วย !
.
เชฟท่านนั้น ตัดสินใจเปิดร้านขายแกงกะหรี่สไตล์ยุโรป
ในย่าน Jinbocho ชื่อร้านว่า BONDY
(欧風カレー ボンディ 神保町本店)
.
.
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ข้าวแกงกะหรี่ สไตล์ยุโรป
ก็แพร่กระจาย เป็นที่นิยมในหมู่คนญี่ปุ่นอย่างมาก
.
คนญี่ปุ่น เริ่มปรับให้เข้ากับรสชาติท้องถิ่น
คงความหนืดและขึ้นไว้ แต่ทำให้ละมุนขึ้น
เปลี่ยนเครื่องเทศบางตัว แต่ใส่หัวหอม และแครอทไปแทนบ้าง
.
การเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือการเพิ่ม
“ของทอด” ให้ทานคู่กับข้าวแกงกะหรี่ !
สิ่งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้ง ยิ่งใหญ่
ที่ทำให้แกงกะหรี่ทานง่าย
.
จนปัจจุบัน
ข้าวแกงกะหรี่ยังถูกโหวตให้เป็นอันดับ 1
ของอาหารโฮมคุกของครอบครัวอีกด้วย
.
.
ข้าวแกงกะหรี่ คือ อาหารสบายๆ ที่ไม่มีพิธี
รีตอง ยศถาบรรดาศักดิ์
.
.
และนี่..คือความฝันของพวกเราชาว "แคริบเบียน"
ที่อยากทำอาหารที่ท่านได้ทุกวัน #แบบไม่มีพิธีรีตอง
"ข้าวแกงกะหรี่ สูตร กัปตันแคริบเบียน" จึงเกิดขึ้น
.
จากการผสมผสานรูปแบบของแกงกะหรี่ญี่ปุ่นและยุโรป
ใช้เครื่องเทศเพียง 5 ชนิด ค่อยๆกวนให้เข้าที่ จนละมุน
แล้วค่อยๆ ราดร้อนๆ ลงบนข้าวญี่ปุ่นพันธุ์ดี
.
เสริพคู่กับ "ไก่คาราอาเกะ" ที่ชุ่ม และนุ่มละมุนลิ้น
.
ก่อนจะปิดท้ายด้วย "พานาคอตต้า" คัสตาร์ดวานิลลาแบบเย็น
ที่ราดด้วยสตอเบอรี่ แบบฉบับอิตาเลียนตอนเหนือ

หรือจะชอบเมนูที่ผสมผสาน ตะวันออกและตะวันตก
ด้วย พานาคอตต้า รสโฮจิฉะ ก็มีความสุขไปอีกแบบ
.
.
ทั้งหมดทุกเมนูในราคา "อาหารสบายๆ"
ทุกเมนู ราคาต่ำกว่า 100 บาท